Kidztime รักเเละห่วงใยกันตลอดไป
Shot 0 (ตอนพิเศษ) คาร์ลอส แฮธคอค 8show

Join the forum, it's quick and easy

Kidztime รักเเละห่วงใยกันตลอดไป
Shot 0 (ตอนพิเศษ) คาร์ลอส แฮธคอค 8show
Kidztime รักเเละห่วงใยกันตลอดไป
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Shot 0 (ตอนพิเศษ) คาร์ลอส แฮธคอค

Go down

Shot 0 (ตอนพิเศษ) คาร์ลอส แฮธคอค Empty Shot 0 (ตอนพิเศษ) คาร์ลอส แฮธคอค

ตั้งหัวข้อ by JTR Tue Aug 09, 2011 11:14 am

นี่คือ ภารกิจสุดท้ายของ คาร์ลอส แฮธคอค ในฐานะ สไนเปอร์ และ หน่วยข่าวกรองสหรัฐ
ในห้องที่มืดสนิทผมยังคงหลับไหลอยู่จะตื่นก็ตื่นไม่ได้ตามันไม่ยอมเปิดเสียเลยเพราะอะไรกันนะ

“ ชื่อนายล่ะ ” เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในห้องที่มืดสนิท
“ ชื่อ ? ” ผมตอบด้วยความประหลาดใจ
“ ไม่มี ” ทำไมผมถึงตอบแบบนั้นกันแล้วตัวผมเป็นใครกันล่ะ
“ งั้นฉันจะตั้งชื่อให้แก ” เสียงประหลาดเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง
“ คาร์ลอส เป็นไง ” เสียงประหลาดพูดให้คำแนะนำ
“ คาร์ลอส ? ” ผมพูดด้วยความประหลาดใจ
“ ใช่แล้วต่อไปนี้นายจะชื่อ คาร์ลอส แฮธคอค ” เสียงประหลาดพูดต่อ

วันที่ 2 ธันวาคม ปี 2018

ตาผมตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากไม่ได้ลืมตามานาน
ผมกรอกตาไปมาในห้องๆหนึ่งผมจำได้ว่าผมกลับสหรัฐจากสงครามเวียดนามใช่เราเป็น
ฝ่ายแพ้แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะแพ้หรือชนะขอให้เพียงแค่ไม่มีการต่อสู้
เกิดอีกก็พอแล้วผมไม่ได้หวังจะฆ่าใคร การที่มือ สไนเปอร์
หลายหัวถูกผมสังหารมันไม่ใช่ความต้องการแต่มันเป็นหน้าที่ในการปกป้องคน
อเมริกัน “ ขนนกสีขาว ” ใช่แล้วนี่คือ ฉายา ที่พวกเวียดนามตั้งให้กับผม
หลายคนที่เวียดนามต้องการตัวผม จริงสิ ผมเคยมีค่าหัวในเวียดนาม “
เท่าไหร่ล่ะ ”
ผมไม่รู้ผมรู้แต่เพียงว่าใครก็ตามที่เอาขนนกสีขาวที่ปักบนหัวผมออกได้
คนคนนั้นจะได้รับเงินค่าหัวเท่ากับเงินเดือน 3 ปี
และเหตุผลที่ผมตื่นอีกครั้งมันคืออะไร นี่คือปีอะไร วันไหน ที่ไหน
หลายคำถามวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา จนผมเหลือบไปเห็น ปฏิทิน เข้า “ ปี 2018 (
การนับปีของแถบตะวันตกจะใช้ ค.ศ. เป็นการวัด)”

เป็นไปไม่ได้นี่ผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้วผมจำได้ว่าช่วงที่ผมอยู่เวียดนามคือ
ปี 1967 ไม่ผิดแน่แต่นี้มันปี 2018 สงครามเวียดนามจบไป 51 ปีแล้วหรือ

ผมลุกจากเตียงและเดินสำรวจไปในห้องที่ผมนอนอยู่
มันมีแต่ของที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อนทั้ง โทรทัศน์ โทรศัพท์
ที่ทันสมัยผิดหูผิดตา “ นี่คงปี 2018 จริงๆ ”
ถ้างั้นผมคงตายไปแล้วสิแต่ผิวหนังของผมมันยังเต่งตึงอยู่และไม่มีการเหี่ยว
ด้วยซ้ำ เหมือนผมกลับไปตอนที่ยังหนุ่มสาว
ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดม่านทันที แสงสว่างเจิดจ้าจากการเปิดม่านทำให้ผมตาพร่าไปซักพัก
แต่สิ่งที่ผมตกตะลึงหลังจากนั้นมันทำให้ผมเชื่อว่าผมอยู่ในปี 2018
แล้วผมเห็นอะไรล่ะ ผมอยู่ในห้องพักของเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์
ที่ผมเห็นครั้งแรกผมเชื่อเลยว่ามันเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัยที่
สุดในโลก ผมมองไปเห็นเรือรบที่ แล่น อยู่ใกล้ๆอีก 5-6 ลำ พร้อมเรือ
บรรทุกเครื่องบินรูปร่าง
ประหลาดอีกลำหนึ่ง ซึ่งติดธงชาติไทยไว้ด้วย ผมเห็นเครื่องบินแปลกๆ
ที่มีสีดำสนิทและสวยงาม (F 22
ชัว)อยู่หลายลำบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่ผมอยู่
แต่ผมก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อมีเรือรบแปลกประหลาดแล่นเข้ามา
เรือที่ผมเห็นรูปทรงก็เหมือนเรือรบทั่วไปแต่ที่แปลกคือ
ผมเห็นปืนประหลาดติดที่หัวเรือด้วย

“ สิ่งนั้นเรียกว่า เรียวกัน ” เสียงที่ผมเคยได้ยินดังจากข้างหลังผม
“ เรียวกัน ? ” ผมหันหน้าไปหาต้นเสียงทันที
“ ใช่แล้วครับ จ่าเอก คาร์ลอส แฮธคอค ” ชายที่ใส่ชุดสีขาวมียศติดมากมายบอกกับผม
“ แล้วคุณ เป็นใครกัน ” ผมถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจพร้อมมองไปที่ตาของเขา

เขาไม่ตอบอะไรกับผม เขายิ้ม “ ตามมาสิ ผมจะให้ดูอะไรหน่อย ”
ผมไม่มีทางเลือกนอกจากตามเขาไป ผมจึงเดินตามเอาไปบนลานจอดเครื่องบิน
“ นั่นคือเครื่องบินอะไรเหรอครับ ” ผมพยายามถามอย่างสุภาพมากที่สุดเพราะดูจากเครื่องแบบก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตพอสมควร เขาไม่ตอบผมเขาเพียงแค่หันหน้ามาหาผมเท่านั้น
“ คุณน่ะ คือ จ่าเอก คาร์ลอส แฮธคอค ใช่ไหมครับ ” เขาถามผมมาอย่างสุภาพ
“ คุณก็เรียกชื่อผมตอนเข้ามาในห้องผมหนิ ” ผมตอบแล้วทำหน้างงเล็กน้อย
“ ห้าห้าห้า ผมจะให้ดูบางอย่างนั่นไง ” เขาหัวเราะออกมาแล้วชี้ไปที่เรือรบที่ติดกระบอกปืนใหญ่ที่เรียกว่าเรียวกัน
“ เอาล่ะ นายลองมองไปตรงนั้นดูสิ ” เขาชี้ไปที่เกาะเล็กๆกลางทะเล ซึ่งดูไปก็ไม่มีอะไรพิเศษเลย
นิ้วของเขาชี้ไปที่ปากกระบอกปืนเรียวกันอีกครั้ง “ ดูเกาะนั่นและเรือลำนั้นให้ดีล่ะ ”
ผมได้แต่พยักหน้าเท่านั้น
ตูม เกาะทั้งเกาะหายไปภายในเวลา เสี้ยววินาที หลังจากที่ปืนเรียวกันยิงกระสุนออกไป ทุกอย่างเกิดเร็วมากผมตะลึงไปซักพัก
“ ว่าแต่ทำไมต้องมีกองเรือของ ต่างชาติมาด้วยล่ะครับ ” ผมตั้งคำถามอีก
“ แน่นอนนี้เป็นกรณี พิเศษ
เพราะว่าทางอาเซียนเขาเป็นผู้ร่วมโครงการพัฒนาปืนเรียวกันขึ้นมาซึ่งทางเรา
ก็อยากให้เขาดูจุดที่ผิดพลาดของการใช้ด้วย แต่ว่าเรื่องนี้
มันไม่เกี่ยวกับ คุณ หรอกนะครับ
ความจริงผมแค่อยากให้คุณมาดูว่าโลกไปถึงไหนแล้วเท่านั้นเอง ”
เขาตอบกับผมและเรียกผมไปคุยกันที่อื่นต่อ
“ ไปขับเรือเล่นหน่อยไหม ” เขากล่าวชักชวนผมและผมคง ปฎิเสธ ไม่ได้ด้วย คงต้องตามไปอย่างนั้น

เราสองคนลงไปในเรือยนต์ และ ขับออกจากเรือบรรทุกเครื่องบินไป โดยไม่มีคนอื่นอยู่ ไปที่ซากเกาะที่โดนเรียวกันยิงเข้าอย่างจัง

“ เอาล่ะ ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยนะ ผมชื่อว่า แชลีย์ w เซเซอร์
ผู้บังคับการเรือบรรทุกเครื่องบิน USS สหรัฐ ” แชลีย์
กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังมา
“ ผม จ่าเอก คาร์ลอส แฮธคอค ”
“ ไม่ใช่” เขากล่าวคัดค้านทันที
“ นายคือ ตัวอย่าง K-01
นายคือร่างโคลนนิ่งที่โอนถ่ายความทรงจำร้อยเปอร์เซ็นของ จ่าเอก คาร์ลอส
แฮธคอค ไป ”
ผมรู้สึกตะลึงกับคำตอบเล็กน้อยแต่ก็นะนี้มันปีไหนแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ (
กลายเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ ไปซะแล้ว)
“ ผมคือมนุษย์ โคลน งั้นเหรอ ” เหมือนผมจะไม่ตกใจอะไรมากคงเป็นเพราะบรรยากาศที่เคร่งเครียดละมั้ง
“ ใช่แล้ว ตอนนี้นายคือมนุษย์โคลน ของ คาร์ลอส แฮธคอค ที่สมบูรณ์ที่สุด
และเหตุผลที่สร้างนายมาก็เพื่อภารกิจพิเศษแต่ ” แชลีย์
เดินไปจับพวงมาลัยเรือยนต์อีกครั้ง และค่อยๆกลับไปที่กองเรือรบ
“ แต่อะไรเหรอครับ ” ผมถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง
“ ความจริงแล้วโคลงการมนุษย์โคลนถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
ดังนั้นจึงต้องกำจัดมนุษย์โคลนไปแต่มีคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย
เขาบอกว่าอยากให้ โคลนอย่างนายทำภารกิจซักอย่างก่อน
เพื่อแลกกับการมีชีวิตของนาย ” แชลีย์หันมาบอกผมด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก
“ ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ หรือ โคลนก็ตามแต่นายก็ยังมีสิทธิที่จะมีชีวิต แต่
พวกที่สร้างนายมาไม่เห็นประโยชน์ ของนายแล้ว
แต่ถ้านายทำภารกิจล่าสุดที่กำลังจะมอบให้สำเร็จละก็
นายจะได้มีชีวิตในฐานะมนุษย์ ”

เราสองคนมาถึงเรือบรรทุกเครื่องบินหลังจากคุยกันบนเรือยนต์เสร็จ
เมื่อผมได้รู้ความจริงเรื่องตัวผมจากปากของ ผู้บัญชาการ แชลีย์ มันน่าเศร้า
ยิ่งนัก มีหลายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นในยุคนี้
ถึงผมจะมีความทรงจำตอนที่สู้รบที่เวียดนามอยู่บ้าง ทั้งเรื่อง ค่าหัว
และอีกมากมาย

“ ผมจะตายไม่ได้ ” ผมบอกกับตัวเองเบาๆ

วันที่ 3 มกราคม ปี 2018

ผมรู้สึกกังวลกับคำพูดของผู้บังคับการ แชลีย์ นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก
เท่าที่ผมรู้คือวันนี้ผมจะไก้ทำภารกิจ พิเศษ กับใครซักคนหนึ่ง
เหมือนผมจะได้ถือ
สไนเปอร์อีกครั้งหลังจากไม่ได้จับมันมานานแสนนานตอนนี้เรือบรรทุกเครื่องบิน
USS สหรัฐ อยู่แถวญี่ปุ่นเพื่อเติมเชื้อเพลิง(คงใช้พลังงานนิวเคลียร์มากไป ) แต่ผมยังไม่ได้กลับสหรัฐกับเรือ USS หรอก
ในเวลาไม่นานนักระหว่างเติมเชื้อเพลิงให้เรือบรรทุกเครื่องบิน V-22
ก็ตรงมาที่เรือบรรทุกเครื่องบินที่ผมอยู่มันค่อยๆดิ่งตัวลงอย่างช้าๆเหมือน
ฮอ ล้อของมันสัมผัสกับพื้นด่านฟ้าเรือ USS อย่างนุ่มนวล
ใบพัดที่ติดอยู่ที่ปีก V-22
ค่อยๆหยุดหมุนทีละน้อยสำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เครื่องบิน
สามารถ ขึ้นลงในแนวดิ่งได้ ประตูท้ายของเครื่อง V-22 เปิดออกอย่างช้าๆ
ผมเห็นคนคนหนึ่งยืนแบกปืนอยู่ที่ท้ายเครื่องและค่อยๆก้าวมาจากท้ายเครื่องบินสู่ด่านฟ้าเรืออย่างมั่นคง

“ ไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานเลยนะนี่ ” ชายที่ก้าวออกมากล่าวและหันไปมองที่ผมที่อยู่บนด่านฟ้าเรือพอดี
“ ยินดีที่ได้รู้จักนะ จ่าเอก คาร์ลอส แฮธคอค ” ผมตะลึงนิดหน่อยที่เขารู้จักผมด้วย
นายทหารบนเรือบรรทุกเครื่องบินรีบวิ่งมาหาชายคนนั้นทันที

ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้นะครับเพราะผมมารับเขาคนนั้นและผมก็จะรีบไปรัส
เซียแล้ว ” ชายคนนั้นชี้มาที่ผม และมองผมด้วยแววตาดุจเหยี่ยว
“ หมอนี่มัน ” พอผมได้เห็นสายตาชายคนนั้นที่มองผมมาจากระยะไกลผมรู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ธรรมดา

เครื่อง V-22 บินขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน ชายคนนั้นเอาผมไปด้วยเราบินผ่านหอบังคับการ
ของเรือ USS ไปตอนนี้ผมและชายที่แววตาดุจเหยี่ยวกำลังจะไปรัสเซีย

ในระหว่างที่นั่งในเครื่อง V-22 ผมได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับชายที่พาผมมาด้วยเล็กน้อย

เขาชื่อว่า “นิค” เป็นสายลับของกองกำลัง สหประชาชาติ
การที่เขารู้จักชื่อผมนั่นก็คือ คาร์ลอส แฮธคอคนั่น มีความหมายว่า “ นิค
”นั้นมีความเกี่ยวข้องกับผม
“ ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมมีชื่อว่า ศิย์ สารานะ เรียกว่า นิค
ก็ได้ครับเพราะนั่นเป็นชื่อเล่นของผม ”
นิคกล่าวแนะนำตัวในเครื่องบินด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วสบายๆหู
“ ผม จ่าเอก คาร์ลอส แฮธคอค ผมคือ…. ” ในระหว่างที่ผมกำลังแนะนำตัวอยู่
“ ไม่ต้องพูดไปมากกว่านี้แล้วครับ เพราะผมรู้เรื่องของคุณ ผ่านเพื่อนของผมแล้ว ” นิคพูดตัดบทผมทันที
ผมได้แต่นั่งเงียบไปซักพัก
“ เอาล่ะครับการที่ผมรู้จักคุณนั้นมันไม่สำคัญหรอกครับ เพราะความจริงผมก็ไม่มีสิทธิ์รู้เหมือนกัน ”นิค กล่าวอธิบายอย่างตรงไปตรงมา
“ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ” นิคหยิบ
แผ่นโลหะบางๆออกมาจากกระเป๋าผมดูไปแล้วมันเหมือนจอคอมพิวเตอร์ในเรือ USS
แต่มันก็ไม่ใช่ทีเดียว ลักษณะมันเป็น สี่เหลี่ยม ผืนผ้า รู้สึกว่าผู้
บังคับการ แชลีย์ จะเรียกมันว่า ไอแพด ล่ะมั้ง (มันดูไงเป็นโลหะหว่า)
แสงจากไอแพด สว่างจ้าปรากฏ ภาพแผ่นที่กูเกิล ขึ้นมาแต่ผมก็ไม่แปลกใจกับวิทยาการสมัยนี้มากนัก
“ นี่คือแผนที่ของเมือง วิทยาศาสตร์ของรัสเซีย ใช่แล้วมันคือเมือง อาการ์แดมโกโรดอค ” นิคกล่าว
“ อากาแดมโกโรดอค ? ” นิค หมายถึงเมืองวิทยาศาสตร์ สินะ

ตอนนี้อยู่ในเดือน มกราคม ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงหน้าหนาวอยู่
เราเดินทางตัดญี่ปุ่นผ่านทะเลไปที่เกาหลีใต้เพื่อเติมเชื้อเพลิงและจะบิน
ผ่านจีนไปยังมองโกลเลีย ผมอยากเห็นสภาพเมืองในยุคนี้จริงๆว่ามันเป็นยังไง
เท่าที่ผมสังเกตุดูรู้สึกพวกเราจะเป็นมิตรในหลายๆประเทศมากขึ้นกว่าเก่าทั้ง
ใน เอเชีย แอฟริกา ยุโรป ต่างก็ไม่มีการแบ่งแยกอย่างแต่ก่อน

วันที่ 4 มกราคม ปี 2018

ผมและนิคเดินทางมาถึงมอลโกเลียและต้องต่อรถไปยังชายแดนรัสเซียเหตุที่ทำ
อย่างนั้นคือรัสเซียไม่ยอมให้เรานำเครื่องบินเข้าไปในพื้นที่เราเข้าไปในรัส
เซียด้วยรถยนต์ส่วนตัวของนิคที่ฝากไว้กับเพื่อนที่มอลโกเราเข้าไปรัสเซียใน
ฐานะนักท่องเที่ยว

เอี้ยด รถของเราแล่นไปได้ซักพัก นิค ก็หยุดรถกลางป่าในรัสเซียทันที

“เราต้องเดินต่อแล้วล่ะดูเหมือนรถเก่าๆของเราจะมาได้แค่นี้ล่ะ” นิคกล่าวและหันมามองหน้าผม
“ นายเอานี่ไปเราจำเป็นต้องลุยป่าแล้ว ”
นิคเปิดประตูและเดินไปหลังรถและเปิดเอาปืนสไนเปอร์ออกมาและยื่นปืนนั้นมาให้
ผมที่กำลังออกจากรถ
นิคหยิบไอแพดขึ้นมาอีกครั้งและเปิดแผนที่ขึ้นมาดูอีกรอบ
“เราอยู่ห่างจากเมืองวิทยาศาสตร์รัสเซียประมาณ 200 km
เราต้องเดินกันแล้วล่ะนะ ” นิคพูดเสร็จก็เดินแบบกระเป๋าและถือปืนพกนำไป

“ ให้ตายสิ ”
ผมบ่นในใจเล็กน้อยและไปหยิบหมวกที่ปักขนนกสีขาวขึ้นมาสวมจากนั้นการเดินเท้า
เปล่า 200 กิโลเมตรก็ได้เริ่มต้นขึ้นเราเดินป่าอยู่ประมาณ 3
วันอากาศทั้งหนาวเย็นและแห้ง

บางครั้งเราก็เห็นกวางป่าซึ่งผมและนิคไม่พลาดที่จะจับมันผมใช้ปืนที่นิคให้
ยิงไปที่หัวกวางอย่างแม่นยำและชำแหละมันกับมือเองบางส่วนนำไปทำซุบบางส่วนก็
ย่างกินตอนกลางคืน

ในวันที่ 3 เราทั้งสองเดินผ่านป่าสนมาถึงเมือง อากาแดมโกโรดอค
เมืองนี้โดยปกติจะไม่ให้ใครเข้าไปยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งล้วนเป็นนัก
วิทยาศาสตร์ทั้งสิ้นเราไม่ได้เข้าไปอย่างถูกกฎนัก
เราแอบเข้าไปโดยลัดเละป่าเข้ามาในเมือง
ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆที่เมืองนี้มีสภาพกลมกลืนกับป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะอย่าง
ลงตัว

ผมและนิค
แอบเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดกับป่ามากบรรยากาศเย็นๆบวก
กับเวลาค่ำและอาคารที่ปลอดคนมันทำให้เสียวสันหลังอย่างแปลกๆ
นิค เดินไปในห้องๆหนึ่งและให้ผมเฝ้าด้านนอก “
ขอเวลาซักครู่นะถ้าใครมาจัดการมันเลยและเรียกผมด้วย”
นิคพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปเปิด คอมทันที
นิคทำการแฮกระบบคอมนิดหน่อยและถ่ายโอนข้อมูลในคอมเข้ากับไอแพดของนิคอย่าง
รวดเร็ว

พอโหลดข้อมูลไปได้ถึงครึ่ง “ ข้อมูลไหลย้อนทำการดึงข้อมูลทั้งหมดเข้าคอมพิวเตอร์ ”
“ เฮ้ยชิบหายแล้ว ” นิครีบดึงสายแรนออกจากคอมทันที
“ เกิดอะไรขึ้น ” ผมรีบวิ่งมาในห้องทันที
“ แปปนึง ผมข้อ เช็คข้อมูลของผมก่อน ” นิค เปิดไอแพดอีกครั้งและถอนหายใจดัง เฮือก
“ ข้อมูลยังครบสินะ ”

ใช้แล้วเราได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วเรารีบไปกันเถอะก่อนที่พวกรัสเซียจะแห่
มา ” นิคพูดเสร็จก็เก็บไอแพดเข้ากระเป๋าและ ชักปืนสั้นออกมาทันที

ผมกำปืน ไรเฟิลแน่นและเดินไปแง้มประตูด้านนอกดูว่ามีใครมาไหม “
ทุกอย่างปรอดโปร่ง” ผมและนิครีบวิ่งออกไปทันที
ไม่นานนักตำรวจรัสเซียก็ทยอยเข้ามาปิดล้อม สถาบันวิจัย
แต่ผมและนิคก็หนีไปไกลแล้ว

ผมใช้กล้องที่ติดมากับปืนส่องดูพวกรัสเซียอย่างระวังและล่าถอยไปในป่าก่อน
ที่ผมจะกลับหลังไป เสียง ฮอ
ตรวจการของรัสเซียก็ดังกระหึ่มขึ้นเหนือสถาบันวิจัยและหันลำมาหาพวกเรา

“ เรื่องใหญ่ซะแล้วสิ ” นิคพูดเบาๆ

“ หลบเร็ว ” ไม่ทันขาดคำ มิสไซล์ นัดแรกพุ่งมาในป่าที่ผมและนิคยืนอยู่
ตูม!!! แรงระเบิดทำเอา
ป่าที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะเป็นหลุมใหญ่ยังโชคดีที่ผมและนิคไม่เป็นอะไรจึงวิ่ง
หนีต่อแต่ผมยังสงสัยว่าเราจะหนีไปได้นานแค่ไหน
ผมรีบวิ่งแยกกับนิคทันทีและดูเหมือนนิคต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ฮอ
ไล่ตามนิคไป
ผมรีบเอาลำกล้องไรเฟิลเล็งไปที่กระจกข้างทันทีหวังจะยิงทหารที่อยู่ด้านในผม
ใช้สายตาส่องผ่านลำกล้องปืนเล็งไปที่หัวคนขับและ
ปัง!!! กระสุนไรเฟิลของผมผ่านทะลุกระจกไปโดนหัวนักบินที่ขับอย่างจัง
ฮอเริ่มหมุนไปหมุนมาและร่วงเนื่องจากไม่มีคนขับ

ผมและนิคไม่อยู่ดูเหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจาก ฮอ ร่วง รีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

วันที่ 8 มกราคม ปี 2018

ผมและนิค กลับถึง มอลโกลเลีย
อย่างปลอดภัยและโชคดีที่พวกรัสเซียคิดว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้าย เรารีบกลับ
ญี่ปุ่น ด้วย V-22 ที่เราทิ้งไว้และส่งข้อมูลให้ทางกองกำลังนาโต้

“ ต้องขอบคุณนายมาก คาร์ลอส สมแล้วที่เป็น ขนนกสีขาว ” นิคกล่าวขอบคุณและยื่นมือมาหาผม
“ ไม่หรอกเพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามก็ได้ ”
ผมพูดอะไรออกไปนี่ผมควรจะพูดว่า “ ไม่เป็นไร ”
มากกว่าและผมก็ยื่นมือไปจับที่มือนิค
“ งั้นเหรอ ” นิคเดินมาใกล้หูผมและกระซิบบางอย่างบอกผม “ ขอต้อนรับสู่องค์กร NT ”

....

by field37
JTR
JTR
Webmaster
Webmaster

ชื่อเล่น ชื่อเล่น : เเอล
อารมณ์ อารมณ์ : ฉันจะฆ่าเเก!!!
โพส โพส : 940
Kidz Kidz : 2797
คะเเนนน้ำใจ คะเเนนน้ำใจ : 3
วันที่สมัคร วันที่สมัคร : 29/07/2011
อายุ อายุ : 24
ที่อยู่ ที่อยู่ : ที่นี่เเหละ
Male

https://kidztime.thai-forum.net

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ